ตำนานป่าหิมพานต์
ชื่อ - ภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต
สถานที่ตั้ง
- บนเขาหิมพานต์ หรือ หิมาลายา ( เทือกเขาหิมาลัย - ประเทศอินเดีย ) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ทอดตัวต่ำลงมาในดินแดนของโลกมนุษย์ เป็นสถานที่ที่เป็นรอยต่อมิติระหว่างโลกทิพย์กับโลกมนุษย์ ที่มีการทับซ้อนมิติกัน ซึ่งมีอยู่ในหลายประเทศ และในดินแดนแถบสุวรรณภูมิทั้งหมด อาทิ เมืองลับแล ที่อยู่บนโลกนุษย์ แต่อยู่ต่างมิติหรือ คลื่นความถี่ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะมองเห็นหรือเดินทางเข้าไปได้
- คำว่า " หิมาลายา " มีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤต แปลว่า สถานที่ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ
- อยู่ติดถัดจากเขาสุทัสสนะ
- ดินแดนชมพูทวีป
- มีสัตว์ที่มีรูปร่าง แปลกประหลาด ไม่เหมือนในเมืองมนุษย์ อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์มากมาย
- ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ ตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ล้วนมีพลังอำนาจมหัศจรรย์
- เป็นที่อยู่ของบรรดานักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ยักษ์ ฤษี ชีไพร ผู้ทรงอภิญญาทางจิตกล้าแข็งทั้งหลาย อยู่กันอย่างสันติภาพไม่เบียดเบียนกัน
- ในประเทศไทยอยู่หลายจังหวัดที่เป็นรอยต่อเชื่อม ระหว่างมิติ หรือ ประตูผ่านมิติ อาทิ หนองคายเป็นรอยต่อกับเมืองบาดาล อุตรดิตถ์เป็นรอยต่อกับเมืองลับแล บริเวณป่าแถบกาญจนบุรีเป็นรอยต่อกับป่าหิมพานต์
ขนาด
- เนื้อที่ประมาณ 3,000 โยชน์
- วัดโดยรอบได้ 9,000 โยชน์
- มีทั้งหมด 84,000 ยอด
หมายเหตุ - 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กม.
*********************************************************
มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ 7 สระ คือ
1. สระอโนดาต
- มีความหมายว่า... ไม่ถูกแสงส่องทำให้ร้อน
- ธารน้ำจากภูเขาต่าง ๆ จะไหลลงสู่ที่สระแห่งนี้ และหลังจากนั้นน้ำก็จะไหลออกเป็น 4 สาย ๆ ละ ทิศ ไหลรอบ ๆ นอกของเขาหิมพานต์ ก่อนที่จะไหลลงสู่มหาสมุทร ... คือ
สายที่1 - สีหมุข... ปากแม่น้ำแดนราชสีห์ (เป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่มาก )
สายที่ 2 - หัตถีมุข... ปากแม่น้ำแดนช้าง ( เป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่มาก )
สายที่ 3 - อัสสมุข... ปากแม่น้ำแดนม้า ( เป็นถิ่นที่ม้าอาศัยอยู่มาก )
สายที่ 4 - อุสภมุข... ปากแม่น้ำแดนโคอุสภะ ( เป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่มาก )
นอกจากนี้ แม่น้ำ 4 สาย ของสระอโนดาตนี้ ก็จะไหลแยกไปตามทิศทางต่าง ๆ ทั้ง 4 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก หลังจากนั้นก็จะเลี้ยวขวาอีก 3 เลี้ยว โดยจะไม่ไหลมาชนกันกับ 3 สายที่เหลือ เนื่องจาก แม่น้ำทั้ง 4 สายจะ ไหลลอดอุโมงค์หิน หรือ ลอดภูเขา แล้วค่อยไหลค่อยไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ต่าง ๆ ที่อยู่ด้านรอบนอกเขาหิมพานต์ก่อนที่จะไหลจะลงสู่มหาสมุทรต่อไป
ยกเว้นสายน้ำที่ไหลไปทางทิศใต้ ที่จะไหลไปเป็นทางยาวประมาณ 60 โยชน์ หลังจากนั้นก็จะไหลออกมาทางใต้แผ่นหินซึ่งมีลักษณะที่เป็นหน้าผาแล้วค่อยไหลลงมา ดังนั้นบริเวณนี้จึงกลายเป็นน้ำตกที่มีความสูงขนาด 60 โยชน์เลยทีเดียว และเนื่องจากแรงกระแทกของสายน้ำตกที่ไหลหล่นลงมากระทบยังแผ่นหินเบื้องล่าง จึงทำให้แผ่นหินแตกกระจายออก กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ชื่อว่า " ติยัคคฬา " และต่อมาพอน้ำมีมากขึ้นก็ได้ทำให้หินด้านหนึ่งแตกออกไป สายน้ำก็ได้กัดเซาะหินที่ไม่ค่อยแข็งจนกระทั่งกลายเป็นอุโมงค์หิน และก็ได้เซาะในส่วนที่เป็นดินจนกระทั่งเป็นอุโมงค์ดิน หลังจากนั้นน้ำก็ได้ไหลจนถึงภูเขาหินที่ชื่อ " วิชฌะ " ซึ่งตั้งขวางอยู่ ( ติรัจฉานบรรพต = ภูเขาขวาง ) และเมื่อสายน้ำไปโดนหิน ก็เลยไม่สามารถผ่านไปได้ง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นแรงน้ำก็ได้ดันจุดที่อ่อนที่สุดได้ 5 จุด ไหลเป็นทางแยกต่าง ๆ กัน ซึ่งก็ได้กลายเป็นต้นน้ำสำคัญของมนุษย์ 5 สาย ที่ใช้ในปัจจุบัน คืด แม่น้ำคงคา, แม่น้ำยมุนา, แม่น้ำอจิรวดี, แม่น้ำสรภู, แม่น้ำมหิ
- พื้นสระ เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อ " มโนศิลา "
- พื้นดินกายสิทธิ์ชื่อ " หรดาล " ( สามารถใช้ถูตัวได้ )
- น้ำใสสะอาด
- มีท่าอาบน้ำมากมาย สำหรับ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย
และผู้วิเศษที่มีฤทธิ์ต่าง ๆ อาทิ ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค
- รอบสระอโนดาต มียอดเขารายรอบอยู่ 5 ยอด ได้แก่
1. ยอดเขาสุทัสสนะ ( สุทัสสนกูฏ )
- เป็นทองคำ
- รูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต
- ปลายยอดเขา มีลักษณะโค้งงุ้มเหมือนปากของกา ซึ่งจะทำหน้าที่โอบปิดด้านบน ไว้ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ และ แสงจันทร์โดยตรง
2. ยอดเขาจิตตะ ( จิตรกูฎ )
- เป็นรัตนะ
- ลักษณะคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ
3. ยอดเขากาฬะ ( กาฬกูฎ )
- เป็นแร่พลวง
- หินแห่งยอดเขาสีนีล
- รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ
4. ยอดเขาคันธมาทน์ ( คันธมาทนกูฏ )
- รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ
- ด้านบนยอดเขา เป็นพื้นราบเรียบ ( เหมือนภูกระดึง )
- มีไม้หอมมากมายหลากหลายพันธ์
- ไม้รากหอม
- ไม้แก่นหอม
- ไม้กระพี้หอม
- ไม้เปลือกหอม
- ไม้สะเก็ดหอม
- ไม้รสหอม
- ไม้ใบหอม
- ไม้ดอกหอม
- ไม้ผลหอม
- ไม้ลำต้นหอม
- อุดมด้วยไม้โอสถต่าง ๆ
- ในวันอุโบสถ ( วันพระ ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ
ส่วนวันที่เป็นข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม...
- ถ้ำนันทมูล ที่บนยอดเขาคันธมาทน์ เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งมี 3 ถ้ำ อยู่ด้านใน คือ ถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และ ถ้ำเงิน
5. ยอดเขาไกรลาส ( ไกรลาสกูฏ )
- ยอดเขาไกรลาส เป็นภูเขาเงิน รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ วิมานฉิมพลีแห่งพญาครุฑ ก็อยู่ที่เขาไกรลาสนี้
- โดยแต่ละยอดมีความสูงและสัณฐาน 200 โยชน์ กว้างและยาวได้ 50 โยชน์
- มีเทวดารวมถึงนาค เป็นผู้ดูแลรักษา
2. สระกัณณมุณฑะ
3. สระรถการะ
4. สระฉัททันตะ
5. สระกุณาละ
6. สระมัณฑากิณี
7. สระสีหัปปาตะ
สัตว์ป่าหิมพานต์ แบ่งออกเป็น 15 ประเภท ( แบ่งตามลักษณะทางกายภาพ )
1. สัตว์ประเภทกิเลน
- กิเลนจีน
- กิเลนไทย
- กิเลนปีก
2. สัตว์ประเภทกวาง
- มารีศ
- พานรมฤค
- อัปสรสีหะ
3. สัตว์ประเภทสิงห์
- บัณฑุราชสีห์
- กาฬสีหะ
- ไกรสรราชสีห์
- ติณสีหะ
- เกสรสิงห์
- เหมราช
- คชสีห์
- ไกรสรจำแลง
- ไกรสรคาวี
- ไกรสรนาคา
- ไกรสรปักษา
- โลโต
- พยัคฆ์ไกรสร
- สางแปรง
- สกุณไกรสร
- สิงฆ์
- สิงหคาวี
- สิงหคักคา
- สิงหพานร
- สิงโตจีน
- สีหรามังกร
- เทพนรสีห์
- ฑิชากรจตุบท
- โต
- โตเทพสิงฆนัต
- ทักทอ
4. สัตว์ประเภทม้า
- ดุรงค์ไกรสร
- ดุรงค์ปักษิณ
- เหมราอัสดร
- ม้า
- ม้าปีก
- งายไส
- สินธพกุญชร
- สินธกนธี
- โตเทพอัสดร
- อัสดรเหรา
- อัสดรวิหค
5. สัตว์ประเภทแรด
6. สัตว์ประเภทช้าง
- เอราวัณ
- กรินทร์ปักษา
- วารีกุญชร
- ช้างเผือก
7. สัตว์ประเภทวัวควาย
- มังกรวิหค
- ทรพี / ทรพา
8. สัตว์ประเภทลิง
- กบิลปักษา
- มัจฉานุ
9. สัตว์ประเภทสุนัข
10. สัตว์ประเภทนก
- อสูรปักษา
- อสุรวายุพักตร์
- ไก่
- นกการเวก
- ครุฑ
- หงส์
- หงส์จีน
- คชปักษา
- มยุระคนธรรพ์
- มยุระเวนไตย
- มังกรสกุณี
- นาคปักษี
- นาคปักษิณ
- นกหัสดี
- นกอินทรี
- นกเทศ
- พยัคฆ์เวนไตย
- นกสดายุ
- เสือปีก
- สกุณเหรา
- สินธุปักษี
- สีหสุบรรณ
- สุบรรณเหรา
- นกสัมพาที
- เทพกินนร
- เทพกินรี
- เทพปักษี
- นกทัณฑิมา
11. สัตว์ประเภทปลา
- เหมวาริน
- กุญชรวารี
- มัจฉนาคา
- มัจฉวาฬ
- นางเงือก
- ปลาควาย
- ปลาเสือ
- ศฤงคมัสยา
12. สัตว์ประเภทจระเข้
- กุมภีร์นิมิต
- เหรา
13. สัตว์ประเภทปู
14. สัตว์ประเภทนาค
15. สัตว์ประเภทมนุษย์
- คนธรรพ์
- มักกะลีผล ป่าหิมพานต์ที่ปรากฏในเวสสันดรชาดก ใน " กัณฑ์มหาพน "
พระอัจจุตฤาษี หลงกลลวงชูชกที่บอกว่ารู้จักกับพระเวสสันดร จึงได้บอกทางให้ชูชก ไปหาพระเวสสันดร
ความว่า...
ภูเขาที่เห็นนั้นเรียกว่า เขาคันมาทน์ ต่อไปจะถึงสระมุจลินท์..... ต่อนั้นไปก็ถึง " ป่าหิมพานต์ " มีสัตว์ต่าง ๆ เหลือที่จะประมาณ สัตว์ที่สำคัญก็คือ ราชสีห์ 4 จำพวก ได้แก่ 1. ติณราชสีห์ กินเส้นหญ้าเป็นอาหาร 2. กาฬสิงห์ กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร 3. ปัณฑุสุรมฤคินทร์ กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ทั้ง 3 ชนิดนี้รูปร่างคล้ายโค ขนต่าง ๆ มีสีหม่น มอ ดำ และเหลืองเลื่อม 4. ไกรสรสิงหราช ปลายหาง เท้าและปาก สีแดง ตามตัวสีขาว สร้อยคอแดง มีสีแดงผ่านกลางหลัง อยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกเป็นอันมาก สารพัดอย่าง ถ้าท่านไปตามคำแนะนำก็จะถึงพระอาศรมพระเวสันดร ชูชกทำประทักษิณพระอัจจุตฤาษี 3 รอบ แล้วอำลาเดินทางต่อไป...
ป่าหิมพานต์ ในมหานิบาตชาดก
สุคนธไม้หอม 10 ชนิด ในป่าหิมพานต์
1. มูลคันธะ - รากหอม
2. สารคันธะ - แก่นหอม
3. เผคคุคันธะ - กระพี้หอม
4. ตจคันธะ - เปลือกหอม
5. ปัปปฏกคันธะ - สะเก็ดหอม หรือ กะเทาะหอม
6. รสคันธะ - ยางหอม
7. ปัตตคันธะ - ใบหอม
8. ปุปผคันธะ - ดอกหอม
9. ผลคันธะ - ลูกหอม
10. สัพพคันธะ - หอมทุกอย่าง
ช้าง 10 ตระกูล ในป่าหิมพานต์
1. กาฬวกหัตถี - สีดำ
2. คังไคยหัตถี - สีน้ำ
3. ปัณฑรหัตถี - สีขาวดังเขาไกรลาส
4. ตัมพหัตถี - สีทองแดง
5. ปิงคลหัตถี - สีทองอ่อนดังสีตาแมว
6. คันธหัตถี - สีเหมือนไม้กฤษณา มีกลิ่นหอม
7. มังคลหัตถี - สีนิลอัญชัน กริยาท่าทางเดินงดงามมาก
8. เหมหัตถี - สีเหลืองดังทอง
9. อุโบสถหัตถี - สีทองคำ
10. ฉัททันตหัตถี - สีกายขาวบริสุทธิ์ดังเงิน ปากและเท้ามีแดง
***** ช้างแต่ละเชือกใน 10 ตระกูลนี้ มีกำลังยิ่งกว่ากันเป็น 10 ๆ เท่า โดยลำดับ
ลักษณะเสือและราชสีห์ในป่าหิมพานต์
1. ติณราชสีห์ - กินหญ้าเป็นอาหาร
2. กาฬสิงหะ - มีลายดำ
3. ปัณฑุสุระ - มีลายเหลืองกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
4. ไกรสรสิงหราช - ปากหาง เท้า ปาก มีสีแดงเหมือนครั่ง มีลายผ่านกลางสีแดงเหมือนทาชาด ชอบอยู่มนถ้พ พอตะวันบ่าย ก็ออกเที่ยวหากิน ชอบแผดเสียงร้องกึกก้องระงมไพร เสือและราชสีห์ทั้ง 4 ชนิด นี้ รูปร่างโตดั่งโค มีลายต่าง ๆ กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น