วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตำนานป่าหิมพานต์


ชื่อ - ภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต



สถานที่ตั้ง


- บนเขาหิมพานต์ หรือ หิมาลายา ( เทือกเขาหิมาลัย - ประเทศอินเดีย ) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ทอดตัวต่ำลงมาในดินแดนของโลกมนุษย์ เป็นสถานที่ที่เป็นรอยต่อมิติระหว่างโลกทิพย์กับโลกมนุษย์ ที่มีการทับซ้อนมิติกัน ซึ่งมีอยู่ในหลายประเทศ และในดินแดนแถบสุวรรณภูมิทั้งหมด อาทิ เมืองลับแล ที่อยู่บนโลกนุษย์ แต่อยู่ต่างมิติหรือ คลื่นความถี่ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะมองเห็นหรือเดินทางเข้าไปได้

- คำว่า " หิมาลายา " มีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤต แปลว่า สถานที่ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ

- อยู่ติดถัดจากเขาสุทัสสนะ

- ดินแดนชมพูทวีป

- มีสัตว์ที่มีรูปร่าง แปลกประหลาด ไม่เหมือนในเมืองมนุษย์ อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์มากมาย

- ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ ตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ล้วนมีพลังอำนาจมหัศจรรย์

- เป็นที่อยู่ของบรรดานักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ยักษ์ ฤษี ชีไพร ผู้ทรงอภิญญาทางจิตกล้าแข็งทั้งหลาย อยู่กันอย่างสันติภาพไม่เบียดเบียนกัน

- ในประเทศไทยอยู่หลายจังหวัดที่เป็นรอยต่อเชื่อม ระหว่างมิติ หรือ ประตูผ่านมิติ อาทิ หนองคายเป็นรอยต่อกับเมืองบาดาล อุตรดิตถ์เป็นรอยต่อกับเมืองลับแล บริเวณป่าแถบกาญจนบุรีเป็นรอยต่อกับป่าหิมพานต์


ขนาด

- เนื้อที่ประมาณ 3,000 โยชน์

- วัดโดยรอบได้ 9,000 โยชน์

- มีทั้งหมด 84,000 ยอด


หมายเหตุ - 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กม.

*********************************************************

มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ 7 สระ คือ

1. สระอโนดาต

- มีความหมายว่า... ไม่ถูกแสงส่องทำให้ร้อน

- ธารน้ำจากภูเขาต่าง ๆ จะไหลลงสู่ที่สระแห่งนี้ และหลังจากนั้นน้ำก็จะไหลออกเป็น 4 สาย ๆ ละ ทิศ ไหลรอบ ๆ นอกของเขาหิมพานต์ ก่อนที่จะไหลลงสู่มหาสมุทร ... คือ

สายที่1 - สีหมุข... ปากแม่น้ำแดนราชสีห์ (เป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่มาก )

สายที่ 2 - หัตถีมุข... ปากแม่น้ำแดนช้าง ( เป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่มาก )

สายที่ 3 - อัสสมุข... ปากแม่น้ำแดนม้า ( เป็นถิ่นที่ม้าอาศัยอยู่มาก )

สายที่ 4 - อุสภมุข... ปากแม่น้ำแดนโคอุสภะ ( เป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่มาก )


นอกจากนี้ แม่น้ำ 4 สาย ของสระอโนดาตนี้ ก็จะไหลแยกไปตามทิศทางต่าง ๆ ทั้ง 4 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก หลังจากนั้นก็จะเลี้ยวขวาอีก 3 เลี้ยว โดยจะไม่ไหลมาชนกันกับ 3 สายที่เหลือ เนื่องจาก แม่น้ำทั้ง 4 สายจะ ไหลลอดอุโมงค์หิน หรือ ลอดภูเขา แล้วค่อยไหลค่อยไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ต่าง ๆ ที่อยู่ด้านรอบนอกเขาหิมพานต์ก่อนที่จะไหลจะลงสู่มหาสมุทรต่อไป

ยกเว้นสายน้ำที่ไหลไปทางทิศใต้ ที่จะไหลไปเป็นทางยาวประมาณ 60 โยชน์ หลังจากนั้นก็จะไหลออกมาทางใต้แผ่นหินซึ่งมีลักษณะที่เป็นหน้าผาแล้วค่อยไหลลงมา ดังนั้นบริเวณนี้จึงกลายเป็นน้ำตกที่มีความสูงขนาด 60 โยชน์เลยทีเดียว และเนื่องจากแรงกระแทกของสายน้ำตกที่ไหลหล่นลงมากระทบยังแผ่นหินเบื้องล่าง จึงทำให้แผ่นหินแตกกระจายออก กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ชื่อว่า " ติยัคคฬา " และต่อมาพอน้ำมีมากขึ้นก็ได้ทำให้หินด้านหนึ่งแตกออกไป สายน้ำก็ได้กัดเซาะหินที่ไม่ค่อยแข็งจนกระทั่งกลายเป็นอุโมงค์หิน และก็ได้เซาะในส่วนที่เป็นดินจนกระทั่งเป็นอุโมงค์ดิน หลังจากนั้นน้ำก็ได้ไหลจนถึงภูเขาหินที่ชื่อ " วิชฌะ " ซึ่งตั้งขวางอยู่ ( ติรัจฉานบรรพต = ภูเขาขวาง ) และเมื่อสายน้ำไปโดนหิน ก็เลยไม่สามารถผ่านไปได้ง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นแรงน้ำก็ได้ดันจุดที่อ่อนที่สุดได้ 5 จุด ไหลเป็นทางแยกต่าง ๆ กัน ซึ่งก็ได้กลายเป็นต้นน้ำสำคัญของมนุษย์ 5 สาย ที่ใช้ในปัจจุบัน คืด แม่น้ำคงคา, แม่น้ำยมุนา, แม่น้ำอจิรวดี, แม่น้ำสรภู, แม่น้ำมหิ

- พื้นสระ เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อ " มโนศิลา "

- พื้นดินกายสิทธิ์ชื่อ " หรดาล " ( สามารถใช้ถูตัวได้ )

- น้ำใสสะอาด

- มีท่าอาบน้ำมากมาย สำหรับ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย
และผู้วิเศษที่มีฤทธิ์ต่าง ๆ อาทิ ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค


- รอบสระอโนดาต มียอดเขารายรอบอยู่ 5 ยอด ได้แก่


1. ยอดเขาสุทัสสนะ ( สุทัสสนกูฏ )

- เป็นทองคำ

- รูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต

- ปลายยอดเขา มีลักษณะโค้งงุ้มเหมือนปากของกา ซึ่งจะทำหน้าที่โอบปิดด้านบน ไว้ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ และ แสงจันทร์โดยตรง


2. ยอดเขาจิตตะ ( จิตรกูฎ )

- เป็นรัตนะ

- ลักษณะคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ


3. ยอดเขากาฬะ ( กาฬกูฎ )

- เป็นแร่พลวง

- หินแห่งยอดเขาสีนีล

- รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ



4. ยอดเขาคันธมาทน์ ( คันธมาทนกูฏ )

- รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ

- ด้านบนยอดเขา เป็นพื้นราบเรียบ ( เหมือนภูกระดึง )

- มีไม้หอมมากมายหลากหลายพันธ์

- ไม้รากหอม

- ไม้แก่นหอม

- ไม้กระพี้หอม

- ไม้เปลือกหอม

- ไม้สะเก็ดหอม

- ไม้รสหอม

- ไม้ใบหอม

- ไม้ดอกหอม

- ไม้ผลหอม

- ไม้ลำต้นหอม

- อุดมด้วยไม้โอสถต่าง ๆ

- ในวันอุโบสถ ( วันพระ ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ

ส่วนวันที่เป็นข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม...

- ถ้ำนันทมูล ที่บนยอดเขาคันธมาทน์ เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งมี 3 ถ้ำ อยู่ด้านใน คือ ถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และ ถ้ำเงิน


5. ยอดเขาไกรลาส ( ไกรลาสกูฏ )

- ยอดเขาไกรลาส เป็นภูเขาเงิน รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ วิมานฉิมพลีแห่งพญาครุฑ ก็อยู่ที่เขาไกรลาสนี้

- โดยแต่ละยอดมีความสูงและสัณฐาน 200 โยชน์ กว้างและยาวได้ 50 โยชน์

- มีเทวดารวมถึงนาค เป็นผู้ดูแลรักษา




2. สระกัณณมุณฑะ

3. สระรถการะ

4. สระฉัททันตะ

5. สระกุณาละ

6. สระมัณฑากิณี

7. สระสีหัปปาตะ


สัตว์ป่าหิมพานต์ แบ่งออกเป็น 15 ประเภท ( แบ่งตามลักษณะทางกายภาพ )

1. สัตว์ประเภทกิเลน

- กิเลนจีน

- กิเลนไทย

- กิเลนปีก


2. สัตว์ประเภทกวาง

- มารีศ

- พานรมฤค

- อัปสรสีหะ


3. สัตว์ประเภทสิงห์

- บัณฑุราชสีห์

- กาฬสีหะ

- ไกรสรราชสีห์

- ติณสีหะ

- เกสรสิงห์

- เหมราช

- คชสีห์

- ไกรสรจำแลง

- ไกรสรคาวี

- ไกรสรนาคา

- ไกรสรปักษา

- โลโต

- พยัคฆ์ไกรสร

- สางแปรง

- สกุณไกรสร

- สิงฆ์

- สิงหคาวี

- สิงหคักคา

- สิงหพานร

- สิงโตจีน

- สีหรามังกร

- เทพนรสีห์

- ฑิชากรจตุบท

- โต

- โตเทพสิงฆนัต

- ทักทอ


4. สัตว์ประเภทม้า

- ดุรงค์ไกรสร

- ดุรงค์ปักษิณ

- เหมราอัสดร

- ม้า

- ม้าปีก

- งายไส

- สินธพกุญชร

- สินธกนธี

- โตเทพอัสดร

- อัสดรเหรา

- อัสดรวิหค


5. สัตว์ประเภทแรด


6. สัตว์ประเภทช้าง

- เอราวัณ

- กรินทร์ปักษา

- วารีกุญชร

- ช้างเผือก


7. สัตว์ประเภทวัวควาย

- มังกรวิหค

- ทรพี / ทรพา


8. สัตว์ประเภทลิง

- กบิลปักษา

- มัจฉานุ


9. สัตว์ประเภทสุนัข


10. สัตว์ประเภทนก

- อสูรปักษา

- อสุรวายุพักตร์

- ไก่

- นกการเวก

- ครุฑ

- หงส์

- หงส์จีน

- คชปักษา

- มยุระคนธรรพ์

- มยุระเวนไตย

- มังกรสกุณี

- นาคปักษี

- นาคปักษิณ

- นกหัสดี

- นกอินทรี

- นกเทศ

- พยัคฆ์เวนไตย

- นกสดายุ

- เสือปีก

- สกุณเหรา

- สินธุปักษี

- สีหสุบรรณ

- สุบรรณเหรา

- นกสัมพาที

- เทพกินนร

- เทพกินรี

- เทพปักษี

- นกทัณฑิมา


11. สัตว์ประเภทปลา

- เหมวาริน

- กุญชรวารี

- มัจฉนาคา

- มัจฉวาฬ

- นางเงือก

- ปลาควาย

- ปลาเสือ

- ศฤงคมัสยา


12. สัตว์ประเภทจระเข้

- กุมภีร์นิมิต

- เหรา


13. สัตว์ประเภทปู


14. สัตว์ประเภทนาค


15. สัตว์ประเภทมนุษย์

- คนธรรพ์

- มักกะลีผล
ป่าหิมพานต์ที่ปรากฏในเวสสันดรชาดก ใน " กัณฑ์มหาพน "

พระอัจจุตฤาษี หลงกลลวงชูชกที่บอกว่ารู้จักกับพระเวสสันดร จึงได้บอกทางให้ชูชก ไปหาพระเวสสันดร

ความว่า...

ภูเขาที่เห็นนั้นเรียกว่า เขาคันมาทน์ ต่อไปจะถึงสระมุจลินท์..... ต่อนั้นไปก็ถึง
" ป่าหิมพานต์ " มีสัตว์ต่าง ๆ เหลือที่จะประมาณ สัตว์ที่สำคัญก็คือ ราชสีห์ 4 จำพวก ได้แก่ 1. ติณราชสีห์ กินเส้นหญ้าเป็นอาหาร 2. กาฬสิงห์ กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร 3. ปัณฑุสุรมฤคินทร์ กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ทั้ง 3 ชนิดนี้รูปร่างคล้ายโค ขนต่าง ๆ มีสีหม่น มอ ดำ และเหลืองเลื่อม 4. ไกรสรสิงหราช ปลายหาง เท้าและปาก สีแดง ตามตัวสีขาว สร้อยคอแดง มีสีแดงผ่านกลางหลัง อยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกเป็นอันมาก สารพัดอย่าง ถ้าท่านไปตามคำแนะนำก็จะถึงพระอาศรมพระเวสันดร ชูชกทำประทักษิณพระอัจจุตฤาษี 3 รอบ แล้วอำลาเดินทางต่อไป...


ป่าหิมพานต์ ในมหานิบาตชาดก


สุคนธไม้หอม 10 ชนิด ในป่าหิมพานต์
1. มูลคันธะ
- รากหอม

2. สารคันธะ - แก่นหอม

3. เผคคุคันธะ - กระพี้หอม

4. ตจคันธะ - เปลือกหอม

5. ปัปปฏกคันธะ - สะเก็ดหอม หรือ กะเทาะหอม

6. รสคันธะ - ยางหอม

7. ปัตตคันธะ - ใบหอม

8. ปุปผคันธะ - ดอกหอม

9. ผลคันธะ - ลูกหอม

10. สัพพคันธะ - หอมทุกอย่าง


ช้าง 10 ตระกูล ในป่าหิมพานต์
1. กาฬวกหัตถี
- สีดำ

2. คังไคยหัตถี - สีน้ำ

3. ปัณฑรหัตถี - สีขาวดังเขาไกรลาส

4. ตัมพหัตถี - สีทองแดง

5. ปิงคลหัตถี - สีทองอ่อนดังสีตาแมว

6. คันธหัตถี - สีเหมือนไม้กฤษณา มีกลิ่นหอม

7. มังคลหัตถี - สีนิลอัญชัน กริยาท่าทางเดินงดงามมาก

8. เหมหัตถี - สีเหลืองดังทอง

9. อุโบสถหัตถี - สีทองคำ

10. ฉัททันตหัตถี - สีกายขาวบริสุทธิ์ดังเงิน ปากและเท้ามีแดง

***** ช้างแต่ละเชือกใน 10 ตระกูลนี้ มีกำลังยิ่งกว่ากันเป็น 10 ๆ เท่า โดยลำดับ


ลักษณะเสือและราชสีห์ในป่าหิมพานต์
1. ติณราชสีห์
- กินหญ้าเป็นอาหาร

2. กาฬสิงหะ - มีลายดำ

3. ปัณฑุสุระ - มีลายเหลืองกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร

4. ไกรสรสิงหราช - ปากหาง เท้า ปาก มีสีแดงเหมือนครั่ง มีลายผ่านกลางสีแดงเหมือนทาชาด ชอบอยู่มนถ้พ พอตะวันบ่าย ก็ออกเที่ยวหากิน ชอบแผดเสียงร้องกึกก้องระงมไพร เสือและราชสีห์ทั้ง 4 ชนิด นี้ รูปร่างโตดั่งโค มีลายต่าง ๆ กัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น